ในที่สุดเหตุการณ์ความวุ่นวายจากการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในช่วงสงกรานต์ ก็ยุติลงด้วยสันติ ท่ามกลางความโล่งอกโล่งใจของคนไทยและชาวโลกที่จ้องจับตาอยู่
อย่างไรก็ตาม ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว ไมว่าจะเป็นการปิดกั้นถนนหนทางจนการจราจรเป็นอัมพาต การเผารถประจำทาง การใช้รถบรรทุกก๊าซขวางถนน จนถึงการใช้อาวุธปืนยิงมัสยิด และการกระทำอื่น ๆ ที่คุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชน ทำให้ชาวบ้านทนไม่ได้ต้องรวมตัวกันต่อต้านจนชาวบ้านเสียชีวิตไป 2 คน ก็เป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะได้พบได้เห็นในกรุงเทพฯ ของเรา และหลายสิ่งหลายอย่างที่กลุ่ม นปช.ทำนั้น เกินกว่าการใช้สิทธิเสรีภาพทางการเมืองตามที่กฎหมายกำหนด แต่เข้าขั้นก่อการจลาจล ก่อการร้ายและกบฏในราชอาณาจักร
การชุมนุมของ นปช.ที่ปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลอยู่ ได้เพิ่มขีดความเคลื่อนไหวขึ้นนับตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน จนมีการยกกำลังคนไปบุกโรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีวอร์ต ที่เมืองพัทยา อันเป็นสถานที่จัดการประชุมสุดยอดอาเซียน และการประชุมสุดยอดอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา รวมทั้งการประชุมสุดยอดอาเซียนกับเลขาธิการสหประชาชาติ เป็นผลให้รัฐบาลต้องยกเลิกการประชุมลงกลางคัน เมื่อมีการออกหมายจับกุมตัวนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำที่นำคนบุกโรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีวอร์ต กลุ่ม นปช.ที่ชุมนุมกันอยู่ในกรุงเทพฯ ก็สำแดงพลังเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวนายอริสมันต์ฯ และต่อเนื่องไปถึงการก่อเหตุรุนแรงต่าง ๆ ทั่วกรุงเทพฯ
การปฏิบัติการ เผาเมือง ของกลุ่ม นปช.แม้จะมีขอบขีดความสามารถไม่สูงมาก และขาดแผนยุทธการที่ชัดเจน แต่ก็มีข้อน่าสังเกตหลาย ๆ อย่าง ที่อยู่เบื้องหลังการปฏิบัติการครั้งนี้ ข้อสังเกตประการแรก คือคำพูดที่ว่า คนต่างจังหวัดตั้งรัฐบาล แต่คนกรุงเทพฯ ล้มรัฐบาล ซึ่งก็ได้เห็นกันมาบ่อย ๆ โดยเฉพาะรัฐบาลที่มาจากพรรคไทยรักไทย และพลังประชาชน แต่คราวนี้กลับเป็นเรื่องที่ตรงกันข้ามเมื่อคนกรุงเทพฯ ตั้งรัฐบาล (ที่มีพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำ) แต่คนต่างจังหวัด (ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ของกลุ่ม นปช.) จะล้มรัฐบาลบ้าง ข้อสังเกตประการที่สองก็คือ
การชุมนุมไม่ว่าจะกลุ่มใดครั้งใด ต้องใช้ประชาชนเป็นแนวร่วม แต่ในครั้งนี้ กลุ่ม นปช.กลับเห็นประชาชนเป็นศัตรู และเปิดศึกกับชาวบ้านหลายแห่ง หากมองโดยทั่วไป ก็อาจจะเห็นว่าแกนนำไม่สามารถจะควบคุมผู้ชุมนุมซึ่งมาจากแหล่งต่าง ๆ ได้ จนต้องปล่อยปละให้ทำอะไรตามใจชอบ แต่ในแง่การเมือง ย่อมแสดงว่ากลุ่ม นปช.เห็นว่าคนกรุงเทพฯ มิใช่ผู้ให้การสนับสนุนตนและพรรคการเมืองที่ตนมีจิตผูกพัน ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเรื่องฐานเสียงหรือคะแนนนิยม หรือมิฉะนั้น ก็หวังจะยั่วยุให้เกิดศึกกลางเมือง ระหว่างประชาชนในกรุงเทพฯ กับกลุ่ม นปช.เพื่อจุดชนวนให้มีการใช้กำลังทหารออกควบคุมสถานการณ์ ซึ่งมีโอกาสจะนำไปสู่การใช้กำลัง หรือการปฏิวัติรัฐประหาร อันจะเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีที่ก่อให้เกิดกองไฟขนาดใหญ่ของการต่อต้านการปฏิวัติที่ลุกลามไปทั่วประเทศ และข้อสังเกตประการสุดท้ายก็คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และกลุ่ม นปช. ได้รับสัญญาณบางอย่างที่ผิดหรือเปล่า ถึงกล้าที่จะเล่นแบบเทหมดหน้าตักอย่างนี้?
แม้ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะยุติลงโดยสงบ ท่ามกลางภาพของความประนีประนอมและอะลุ้มอะล่วยแบบไทย ๆ ที่ออกจะเป็นที่แปลกตาแปลกใจของชาวโลก แต่ก็เชื่อแน่ว่าเรื่องต่าง ๆ คงจะยังไม่จบลงโดยง่าย โดยเฉพาะสัมพันธภาพระหว่างรัฐบาลกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง และความสัมพันธ์ระหว่างนักการเมืองกับข้าราชการประจำ
แต่ที่เป็นห่วงอย่างยิ่งก็คืออารมณ์ ความคิด และความรู้สึกของคนในต่างจังหวัด กับคนกรุงเทพฯ รวมทั้งผู้ใช้แรงงานกับชนชั้นกลางในเมืองหลวง ซึ่งมองเห็นถึงความผิดแผกแตกต่างกันได้อย่างชัดเจนในช่วงสงกรานต์ปีนี้ และคงต้องการการเยียวยาอย่างจริงจัง ก่อนจะขยายตัวไปสู่ความขัดแย้งระหว่างชนชั้นอันน่ากลัว