มีคำกล่าวว่า ไม่มีนักปฏิวัติสมัครเล่น จะมีก็แต่นักปฏิวัติมืออาชีพ และ ไม่มีนักปฏิวัติเฉพาะกาลหากมีแต่นักปฏิวัติตลอดกาล ซึ่งหมายความว่า ใครก็ตามที่คิดจะปฏิวัติ หรือทำอะไรในทำนองเดียวกับการปฏิวัติ สิ่งแรกที่พึงรำลึกไว้เสมอก็คือ การปฏิวัติไม่ใช่ของที่จะทำกันเล่น ๆ หรือครึ่ง ๆ กลาง ๆ แต่เมื่อลงมือแล้วก็ต้องแบกรับความรับผิดชอบในสิ่งที่ตนได้ทำตลอดไป
และความยากลำบากของการปฏิวัติหาใช่การทำปฏิวัติ แต่เป็นเรื่องภายหลังการปฏิวัติ โดเฉพาะอย่างยิ่งการรักษาสถานภาพและเสถียรภาพของนักปฏิวัติไว้ให้นานที่สุด เพราะขอให้เชื่อได้อย่างหนึ่งว่า นับจากวันที่การปฏิวัติลุล่วงลงแล้ว สิ่งที่ประชาชนรอคอยก็คือการปฏิวัติครั้งใหม่เพื่อโค่นล้มอำนาจของนักปฏิวัติชุดเดิม ไม่ต่างอะไรจากการเฝ้าดูรายการเกมส์โชว์ทางทีวี ว่าเมื่อไหร่จะมีใครมาล้มแชมป์เก่าลงได้
การบริหารบ้านเมืองเป็นเรื่องยาก แต่การบริหารอารมณ์ของประชาชนเป็นเรื่องที่ยากยิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะอารมณ์ที่ขึ้น ๆ ลง ๆ ตามกระแส หรืออารมณ์ที่ปรวนแปรไปตามสถานการณ์โดยรอบ โดยเฉพาะอารมณ์ล้วน ๆ ที่มี่เหตุผลหรือตรรกะรองรับ และยิ่งถ้าผู้บริหารเอาอารมณ์ดังกล่าวมาเป็นอารมณ์ด้วยแล้ว ก็คงจะต้องยุ่งยากเป็นอย่างยิ่ง
มีคนพูดว่า อำนาจนั้น ได้มาด้วยวิธีใด ก็มักจะสูญเสียไปด้วยวิธีเดียวกันนั้น ถ้าได้มาด้วยการเลือกตั้งและผลงานไม่เข้าตาประชาชนผู้เลือก การเลือกตั้งครั้งใหม่ก็ย่อมจะไม่ได้รับเลือก ถ้าได้มาโดยวิธีพิเศษ ก็จะสูญเสียอำนาจด้วยวิธีพิเศษ และถ้าหากได้มาด้วยการปฏิวัติ ก็จะเป็นอย่างที่ผมกล่าวไว้ในตอนต้น นั่นคือจะถูกปฏิวัติต่ออีกทอดหนึ่ง ถ้าไม่เชื่อก็ลองพลิกประวัติศาสตร์การเมืองไทยตั้งแต่ พ.ศ.2475 ลงมา ดูก็ได้ครับ
เดือนเมษายนปีนี้ ท่าทางว่าจะร้อนจัด แต่จะร้อนเท่าปีที่แล้วหรือไม่ ก็คงต้องคอยดูกันต่อไป และน่าเป็นห่วงว่ารัฐบาลจะทนกับความร้อนได้ขนาดไหน หรือจะต้องยื่นใบลาพักร้อนล่วงหน้าไปก่อน อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่าคงไม่มีใครอยากเห็นความร้อนนั้นแผดเผาบ้านเมืองอีกครั้งอย่างแน่นอน
สำหรับนักปฏิวัตินั้น ผมเชื่อว่ามีหลายคนต้องการแสดงความเป็นมืออาชีพ และการเป็นนักปฏิวัติตลอดกาล แต่แทบทุกคนก็พบคำตอบที่เจ็บปวดว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดฝัน และเกียรติยศชื่อเสียงของความเป็นวีรบุรุษหรือขวัญใจประชาชนนั้นก็แสนสั้นเสียเหลือเกิน
มีคำกล่าวอีกคำหนึ่งว่า รัฐบาลที่ดีที่สุด คือรัฐบาลที่ยังไม่ได้ลงมือทำงาน และ นักปฏิวัติที่ดีสุด คือนักปฏิวัติที่ตายไปแล้ว ดังนั้น เมื่อรัฐบาลใดก็ตามเริ่มลงมือทำงาน เมื่อนั้นความดีก็จะลดน้อยลงไปตามลำดับ และเมื่อใดที่นักปฏิวัติยังไม่ตาย เขาก็สามารถจะเป็นนักปฏิวัติที่ไม่ดีได้โดยง่ายดาย
แต่ใครที่คิดจะเป็นนักปฏิวัติก็ต้องไม่ลืมว่า การปฏิวัติไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ หรือครึ่ง ๆ กลาง ๆ และจะต้องแบกรับความรับผิดชอบต่อสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตลอดไป และหากนักปฏิวัติเข้ามาเป็นรัฐบาลเสียเอง ก็ต้องเตรียมตัวล่วงหน้าว่า เสียงสวรรค์ที่เคยอื้ออึงจะแผ่วจางลงทุกขณะ และวันหนึ่งก็จะต้องเผชิญกับการปฏิวัติในทำนองเดียวกัน
ครับ ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ต้องคอยดูแลสุขภาพ และระวังโรคแทรกซ้อนกันไว้บ้างนะครับ